การเลือกซื้อ Air brush สำหรับมือใหม่ Credit shishi
บทความนี้เกิดจากการรวบรวมข้อมูลเพื่อซื้อAir brush ของผมเอง จึงไม่ได้ลงลึกอะไรมากนักแต่ก็หวังว่าจะมีประโยชน์แก่หลายๆคนที่กำลังจะซื้อ air brush นะครับ จากที่ได้ปรึกษากับมือเก๋าๆหลายๆท่านก็มักจะแนะนำแบบแบ่งเป็นยี่ห้อซึ่งผมว่าเข้าใจยากพอดูสำหรับมือใหม่นะครับ เลยขอเรียบเรียงวิธีการพิจารณาใหม่ในแบบที่คนที่ไม่เคยจับ Air brush ก็น่าจะเข้าใจดูครับ โดยเราจะแบ่งการพิจารณาเป็นข้อดีข้อเสียของส่วนประกอบแต่ละแบบครับ
รูปทรง
รูปทรงของ Air brush ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าจริงๆแล้วมีกี่แบบ แต่ที่นิยมกันหลักๆก็มี2แบบคือ แบบปืน(Spray gun) และ แบบปากกา
- รูปแบบปืน รูปร่างหน้าตาเหมือนปืนฉีดน้ำหรือปืนยิงกาว แต่หลังๆก็มีแบบรูปปากกาแต่เป็นไกปืนเหมือนกัน เขาว่ากันว่าเป็นรุ่นสำหรับมือใหม่เพราะถือไกกดปื๊ดๆได้เลย แต่ผมว่ามือเก๋าเอามาใช้พวกพ่นสีพื้นพ่นคลุมก็สะดวกดีนะ
ข้อดี จับถนัดมือ, พ่นสีง่าย
ข้อเสีย ถอดประกอบไม่ได้ยากต่อการบำรุงรักษา, มีรุ่นให้เลือกน้อย, ไม่สามารถควบคุมน้ำหนักของเส้นได้
- รูปแบบปากกา มีลักษณะคล้ายปากกาทำให้สะดวกในการใช้งานในรูปแบบวาดหรือลากเส้นโค้ง
ข้อดี สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า เป็นรูปทรงมาตรฐาน
ข้อเสีย ถ้ายังไม่ชินจะจับไม่ถนัดมือแล้วอาจจะทำให้ปวดนิ้ว(แต่เดี๋ยวก็ชิน)
จังหวะการกด
หมายถึงจังหวะของการกดไกเพื่อพ่นสี โดยจะมี2แบบคือ หนึ่งจังหวะ(Single action) และสองจังหวะ(Dual/Double action)
- หนึ่งจังหวะ แค่กดลงไปตรงๆสีและลมจะออกมาพร้อมๆกันเลย ลักษณะของไกจะไม่มีร่องให้โยกมาด้านหลัง
ข้อดีกดทีเดียวสีออกเลย, ไม่ต้องควบคุมน้ำหนักการกดของนิ้ว
ข้อเสียไม่สามารถกำหนดขนาดเส้นได้จากการกดไก(ต้องปรับที่ปลายด้าม), ดูไม่โปรไม่เท่
- สองจังหวะ กดเพื่อปล่อยลมแล้วโยกเพื่อปล่อยสี ยิ่งโยกมากสีก็ยิ่งออกเป็นวงกว้างขึ้น ไกมักจะมีลักษณะเอียงและ จะมีร่องไปทางด้านหลัง
ข้อดีควบคุมขนาดเส้นได้ง่าย, กดจังหวะเดียวเพื่อเป่าลมเปล่าๆออกมาได้
ข้อเสียต้องคอยกังวนเรื่องน้ำหนักของนิ้ว, มีระบบสปริงที่ซับซ้อนกว่าทำให้มีโอกาสเกิดการติดขัดสูงกว่า
แหล่งเก็บสี
รูปแบบของการเก็บสีของ Air brush แบ่งได้เป็น3แบบคือ ด้านบน ด้านข้าง และด้านล่าง โดยจะแบ่งตามลักษณะการใช้งาน
- ด้านบน หรือ ที่เรียกกันติดปากว่ากรวยบน เหมาะสำหรับการทำสีสำหรับชิ้นงานขนาดเล็ก เช่นพวกพลาสติกโมเดลต่างๆ
ข้อดีน้ำหนักเบา, ทำความสะอาดง่าย, ราคาถูก
ข้อเสีย ใส่สีได้ในปริมาณจำกัด, องศาในการทำงานจำกัด
- ด้านข้าง หรือ กรวยข้าง นั้นเอง ตอนซื้อมาก็ยังงงอยู่ว่ามันดีกว่ากรวยบนยังไงเลยลองไปค้นข้อมูลในเนทดู ปรากฏว่า ประโยชน์จริงๆของมันคือการ Paint เพดาน เพราะกรวยข้างๆมันปรับองศาเท่าไหร่ก็ได้
ข้อดี ทำงานได้หลากหลายพื้นที่มากกว่า
ข้อเสีย ใส่สีได้ในปริมาณจำกัด, ต้องระวังเรื่องข้อต่อกรวยสี
- ด้านล่าง หรือ แบบดูดจากขวดนั่นเอง เหมาะกับงานที่ใช้หลายสีหรือใช้สีปริมาณมาก เพราะ ใช้ระบบขวดทำให้ใส่สีได้มากกว่าแบบกรวยปกติ และเปลี่ยนสีได้โดยการเปลี่ยนขวดสีได้ทันที(แต่ต้องพ่นก่อนนะเดี๋ยวสีตีกันตาย)
ข้อดี ใส่สีได้ปริมาณมากกว่า, เปลี่ยนสีได้สะดวก
ข้อเสีย ขวดจะถูกยึดด้วยแรงเสียดทานของหลอดและแอร์บรัชเท่านั้นถ้าใส่สีมากไปหรือขยับมากไปอาจจะทำให้ขวดตกจากแอร์บรัชได้ ถ้าตกบ่อยจะส่งผลให้หลวมได้(ยกเว้นพวกผสมสี��ายนอก จะเป็นเกลียวมาเลย)
ตัวปรับเข็ม
ตัวปรับเข็มจะมี2ลักษณะคือสามารถปรับได้เลยโดยไม่ต้องมีการแยกส่วนแอร์บรัชออก และแบบที่ต้องถอดด้ามแอร์บรัชออกก่อน
- ไม่ต้องถอดด้ามออก
ข้อดีง่ายต่อการปรับขนาดเส้น
ข้อเสีย – (นึกไม่ออก นึกออกแล้วจะมาแก้)
- ถอดด้ามออกก่อนปรับ
ข้อดี ต้นทุนต่ำกว่าเยถูกกว่า(ไม่กี่บาทเอง)
ข้อเสีย ต้องถอดด้ามออกก่อนปรับ
การผสมของสีและลม
อันนี้อารมณ์ว่าจะเขียนทั้งทีต้องเขียนให้ครบเลยเอามาลงไปงั้นๆแหละจริงๆแล้วยังไงก็ต้องใช้แบบ��ายในอยู่แล้ว
- ��ายใน สีและลมจะออกมาจากช่องเดียวกันทำให้ได้เส้นที่คมเหมาะสำหรับงานขนาดเล็ก เช่นพวกโมเดลแบบจำลองต่างๆ
- ��ายนอก จะส่งสีและลมออกมาคนละช่องทำให้สีออกมาเป็นวงกว้างใช้ในงาน paint ขนาดใหญ่
ด้านบนที่เห็นคือแอร์บรัชครับตัวที่เห็นด้านบนเป็นแบบกรวยบน(มันมีหลายแบบครับ)และมีกลไกแบบDoubleAction มือใหม่อย่าเพิ่ง งง!!!!!!
เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังอีกทีว่าอะไรเป็นอะไรแต่ตอนนี้เรามาดูโครงสร้างภายในกันดีกว่า ว่าข้างในแอร์บรัชปกตินี่ มีอะไรบ้าง
สำหรับส่วนต่างๆที่ประกอบเป็นแอร์บรัชก็มีกมีดังที่เห็นตามภาพครับ
เดี๋ยวต่อไปเราจะมาอธิบายดูกันกันทีละจุดว่าอะไรคืออะไร
1.Fluid Cup (กรวยสี)
ส่วนนี้น่าจะทำความเข้าใจไม่ยากกรวยสีก็คือ ส่วนที่ใช้เก็บสีสำหรับการพ่นโดยแอร์บรัชแต่ละตัวก็จะมีขนาดกรวยสี (Cup)ไม่เท่ากัน บางรุ่นเล็ก บางรุ่นก็ใหญ่ บางรุ่นเปลี่ยนได้แต่ถ้าอย่างตัวด้านบนนี้เปลี่ยนไม่ได้ขนาดกรวยสีที่เล็กมากก็แปลว่าแอร์บรัชจุสีได้น้อย(แหง)และส่วนมากก็มักจะเป็นแอร์บรัชสำหรับงานละเอียด แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป
แอร์บรัชปกติจะมีตำแหน่งของกรวยสีอยู่ในตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใดเป็นแบบFixซึ่งเป็นตัวกำหนดประเภทการทำงานและกลไกของมันด้วย เช่นแอร์บรัชกรวยบนก็ใช้การไหลของสีตามแรงโน้มถ่วงลดปริมาณแรงดันลมทำให้ใช้กับแรงลมต่ำได้ กรวยล่างจะใช้ลมเยอะกว่าหน่อยแต่ว่าข้อจำกัดเรื่องขนาดกรวยจะน้อยทั้งหมดนี้เราจะไปพูดกันอีกทีในการเลือกซื้อแอร์บรัชนะครับ
2.Main Lever (ไก)
ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใช้สำหรับการควบคุมปริมาณสี(ในกรณีของแอร์บรัชแบบSingle-Action)หรือควบคุมทั้งลมและสี(ถ้าเป็นแบบ Double-Action) โดยกลไกการทำงานไม่ยาก ถ้าเป็น Single เราก็แค่กดลงอย่างเดียวเพื่อคุมปริมาณสีที่ออกมมา กดน้อยสีออกน้อยกดเยอะสีก็ฟุ้งเยอะ
แต่ถ้ามันเป็นแบบDoubleการทำงานของไกตัวนี้จะซับซ้อนขึ้น กล่าวคือมันจะกดได้ทั้งกดลงและดันไปด้านหลัง การกดลงก็เป็นการคุมปริมาณลม กดมากลมออกมาก แต่ถ้ากดลงอย่างเดียวสีจะไม่ออก(ยกเว้นคุณวางเข็มผิด) การจะให้สีออกต้องอาศัยการ"โยก"ไปด้านหลังร่วมด้วย กลไกลก็เหมือนกันถ้าโยกไปด้านหลังมากเท่าไหร่ สีที่ออกมาก็จะเยอะขึ้นด้วย ซึ่งทำให้การใช้งานแอร์บรัชแบบDouble Action ทำได้ยากกว่าแบบ Single Action มากในช่วงแรก เพราะคุณจะต้องพยายามจับน้ำหนักไกของแอร์บรัชให้ได้ซึ่งก็เหมือนรถยนต์ คันเร่งรถแต่ละคันมันหนักเบาไม่เท่ากันบางคันเหยียบนิดเดียวพุ่ง อีกคันเหยียบมิดก็ไม่ค่อยอยากไป
ทว่า...การที่แอร์บรัชมีกลไกแบบDoubleAction ก็มีข้อดีเช่นกัน คือเมื่อคุณใช้เป็นแล้วและสามารถคุมไกมันได้ตามใจสั่ง การพ่นสีก็จะทำได้หลากหลายมากขึ่นคุณสามารถทำการพ่นแบบไล่โทนก็ได้ รีดเส้นก็ได้ และอื่นๆทั้งนี้ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละอย่างทำได้ยังไง ก็ลองไปหาคลิปในยูทูปดูเพราะสมัยนี้เห็นโพสต์กันให้เกลื่อน ดูอันที่พวกเขาพ่นรูปวาด หรือพ่นอะไรก็ได้แค่ใช้แอร์บรัชก็พอ เพราะถ้าเข้าใจหลักการแล้วที่เหลือก็แค่ฝึกเท่านั้นแหละ
3.Nozzle (นมหนู)
อย่าเพิ่งคิดไปไกลและถ้าได้แอร์บรัชแล้ว อย่าจับนมหนูพร่ำเพรื่อ (ผมพูดจริงๆ)นมหนูเป็นส่วนประกอบที่บอบบางมาก เป็นจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ หน้าที่หลักๆก็คือเป็นทางออกของลมและสี(แหงละ)ไว้ใช้ควบคุมปริมาณของลมและสีที่พ่นออกมาตามขนาดของมันซึ่งจะทำงานผสานกับเข็ม (Needle) ในการกำหนดปริมาณของลมที่ออกมาทั้งนี้ขนาดของนมหนูที่เล็ก (เช่น 0.2) ก็จะทำให้เม็ดสีที่ออกมานั้นละเอียดกว่าการใช้เซ็ตนมหนู+ เข็ม ใหญ่ (0.4 / 0.5) แต่ว่าขนาดของนมหนู/เข็มที่ใหญ่ขึ้นก็ช่วยให้การทำงานขนาดใหญ่รวดเร็วขึ้น
สรุปได้คร่าวๆว่าการเลือกขนาดนมหนูนั้น ขึ้นกับประเภทของงานที่ต้องการใช้มากกว่าขอย้ำว่าต้องระวังและดูแลนมหนู่ให้ดีนะครับ(แต่ก็ไม่ใช่ให้ถอดล้างทุกครั้งที่ใช้เสร็จนะเพราะถอดหนือจับบ่อยๆมีโอกาสพังมากกว่าอีกนะ)ถ้านมหนูแตกหรือบิ่นสีที่พ่นเม็ดสีจะไม่ละเอียด ไปดูส่วนที่ทำงานคู่กับมันบ้าง
4.Needle (เข็ม)
Head, Nozzle, และ Needle
เข็มนี่เป็นส่วนประกอบที่น่าจะเรียกว่าสำคัญไม่แพ้นมหนูเพราะต้องทำงานร่วมกันในแอร์บรัชและจากภาพจะเห็นได้ว่ามันบอบบางและมีแนวโน้มจะพังง่ายที่สุดเพียงแค่สะกิดโดนอะไรนิดเดียวเท่านั้นแหละครับปลายจะงอทันทีและลายที่งอ แม้จะเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลต่อสีที่พ่นออกมาอย่างชัดเจนทีเดียวแม้ว่าปกติคุณจะไม่มีวันเห็นมันแบบในรูปเลยก็ตามถ้าใช้แอร์บรัชปกติแต่ความอันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มจะถอดมันออกมาล้าง เนื่องจากปลายเข็ม (tip)เป็นส่วนที่บางมาก (มันก็เหมือนเข็มแหละ แต่บางกว่าอีก) การทำหล่นหรือการใช้ความรุนแรงในการจับอาจจะทำให้ tip งอ และ...เมื่อ tipงอ ความฉิบหายก็จะตามมา
เมื่อTipงอ...มันก็ดัดได้ แต่ถึงจะดัดอย่างไร มันก็จะไม่กลับไปเหมือนเดิม 100% ทั้งนี้หน้าที่ของเข็มจะทำงานคู่กับนมหนูในการคุมลมและสีที่ออกมา(ซึ่งก็ควบคุมด้วยไกอีกที) เมื่อ tip งอ ถ้ามันงอไม่มากก็ยังใช้ได้อยู่ แต่ว่าเราจะสังเกตเห็นได้ว่าสีที่พ่นออกมาจะเกิดอาการ"แฉลบ"ไปตามด้านที่Tip งอ ดังนั้นวิถีของสีและมุมที่สีควรจะลงก็จะไม่เหมือนปกติดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อ tip ของเข็มงอแล้วมันให้ความรู้สึกแปลกๆ
5.Needle Assembly (ตัวล็อกเข็ม)
ตัวนี้คือตัวล็อกเข็มครับหน้าที่มันก็...ไว้ล็อกเข็ม ล็อกทำไม ? เพราะว่าถ้าไม่ล็อกเวลาที่ทำงานจริงๆ พอเราเหนี่ยวไกมาด้านหลัง ถ้าเข็มไม่ล็อก ไกก็จะมา เข็มไม่มาสีก็ไม่ออก เพราะงั้น ตรวจสอบให้ดีว่ามันล็อกแล้วและเช็คก่อนใช้งานหรือหลังถอดมาทำความสะอาดทุกครั้ง
6.Air Valve (วาล์วลม)
ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใช้ประกอบเข้ากับสายลมที่ต่อมาจากแหล่งกำเนิดลมครับโดยมากก็ปั๊มลมแหละ เวลาต่อก็ตรวจให้เรียบร้อยละ ว่ามันไม่รั่ว
นอกจากนี้ก็ยังจะมีส่วนประกอบที่จะเจอได้อีกสองอย่างคือHeadและ Cap ครับซึ่งทั้งสองชิ้นเป็นส่วนประกอบที่รวมกัน(กับ Nozzle)อยู่ตรงหัวแอร์บรัชโดย Head (แบบที่เห็นวางในรูปเดียวกับเข็มและนมหนู)จะครอบอยู่ด้านหน้าของนมหนู ส่วน Cap นี่ก็จะอยู่ด้านหน้านั่นอีกที(ที่เห็นเป็นกลีบในรูปแรก)ซึ่ง Cap ไม่ได้มีความจำเป็นต่อกลไกของแอร์บรัชแต่มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นมหนูกับเข็มถูกกระแทกได้ง่าย ในความเป็นจริงคุณสามารถถอดCap แล้วพ่นก็ได้แต่ก็ต้องมั่นใจด้วยนะครับว่าเป็นคนไม่ซุ่มซ่าม เพราะถ้าถอดแคปแล้วโอกาสในการที่เข็มรอดจากการกระแทกใดๆ คือ 0%
1.Single Action (แอร์บรัชแบบจังหวะเดียว)
แอร์บรัชแบบSingleAction ก็ทำงานตามชื่อบอกแหละครับ คือกดอย่างเดียว เมื่อเรากดไกลงระบบจะทำให้ทั้งลมและสีออกมาพร้อมกันทั้งนี้แอร์บรัชแบบนี้สามารถควบคุมปริมาณสีได้เหมือนกันแต่ทำได้เฉพาะก่อนกดไกเท่านั้น นั่นแปลว่าคุณจะไม่สามารถใช้เพื่อทำการพ่นไล่แบบ Gradientได้ และทำให้การใช้งานจำกัด ทั้งนี้ ข้อดีและข้อเสียของ SingleAction ก็มีดังนี้
Quote
ข้อดี
? ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน(กดปล่อยสีอย่างเดียวเลย)
? การควบคุมปริมาณสีแม่นยำต่อเนื่อง
? ราคาถูก
ข้อเสีย
? ใช้งานได้จำกัด เล่นท่าได้น้อย(หมายถึงรีดไล่น่ะครับ)
? กินสีเยอะกว่า
? ตัวเลือกการใช้งานน้อย (หมายถึงมีรุ่นให้เลือกน้อย)
2.Double Action (แอร์บรัชแบบสองจังหวะ)
Paasche Talon (Gravity Fed) Dual Action
อย่างที่บอกไปแล้วที่ด้านบน กลไกการทำงานของแอร์บรัชแบบ Double Action ประกอบด้วยการกดไกลงเพื่อปล่อยให้ลมไหลผ่าน และโยกไปด้านหลัง เพื่อกำหนดปริมาณสีทั้งนี้ถ้าทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่งการทำงานก็จะไม่สมบูรณ์ คือ ถ้าโยกอย่างเดียวก็จะไม่มีลม และสีอาจจะออกมานองเป็นหยดตรงปากกรวยพ่น
แต่ถ้ากดลงอย่างเดียวก็จะมีแต่ลมที่ออกมา ส่วนสีก็จะไม่ออกนะจ๊ะ
ทั้งนี้ข้อดีและข้อเสียของมันก็จะคล้ายๆกับการ reverse ระหว่าง SingleAction คือ
ข้อดี
? เล่นได้ทุกท่า เพราะการควบคุมทำได้อิสระ (รีดไล่คุมสีได้ง่ายกว่า SingleAction
ยกเว้นหงายท้องพ่น)
? ตัวเลือกการใช้งานหลากหลาย
? ใช้ปริมาณสีน้อย
ข้อเสีย
? กลไกซับซ้อน ใช้งานยากในช่วงแรก (เป็นปัญหากับพวกมือใหม่สะส่วนใหญ่)
? ราคาแพงกว่าแบบ Single Action
? ดูแลรักษายากกว่าเพราะต้องทำการทำความสะอาดอย่างละเอียดเพื่อให้กลไกใช้งานได้นาน
แม้ว่าตัวเลือกแอร์บรัชSingleAction จะไม่หลากหลายเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็ยังมีตัวเลือกและสำหรับแอร์บรัชแบบ Double Action ที่มีตัวเลือกมากมายเราจำเป็นต้องเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างระบบการจ่ายสีแบบต่างๆของแอร์บรัชครับเพราะประเภทของงานที่ทำ จะต้องเลือกแอร์บรัชให้เหมาะสมด้วย
Credit:
- ความรู้จากพี่ๆ SW และ Thai Gundam ทุกคน
- Iwata http://www.iwata-airbrush.com/products/airbrush/index.html
- Badger http://www.badgerairbrush.com/airbrush.htm
- True-International http://www.trueinter.co.th/airbrush.php
- Tamiya http://www.tamiya.com/english/products/list/airbrush/kit74501.htm